วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

  1. ให้อธิบายพร้อมยกตัวอย่างความแตกต่างระหว่างการสืบค้นแบบ  Web directory , Meta  search ,  Search  engine
ตอบ     Web Directory คือ ระบบที่เก็บรวบรวมเว็บไซต์ไว้เป็นหมวดหมู่ ซึ่งสามารถแบ่งกลุ่มออกเป็นหมวดหมู่ย่อย ๆ ได้ด้วย เว็บที่ถูกบันทึกในแต่ละกลุ่ม จะต้องมีหัวเรื่องหรือเนื้อหาที่สัมพันธ์กัน
Meta search คือ Search Engines ประเภทนี้ อาจจัดได้ว่าไม่ใช่ Search Engines ที่แท้จริง
เนื่องจากไม่ได้ทำการสืบค้นข้อมูลเอง แต่จะส่งต่อคำถามจากผู้ใช้ (Query) ไปให้ Search Engines ตัวอื่นผลการค้นที่ได้จึงแสดงที่มา (ชื่อของ Search Engines) ที่เป็นเจ้าของข้อมูลไว้ต่อท้ายรายการที่ค้นได้แต่ละรายการ
Search engine คือ เครื่องมือการค้นหาข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ต ที่ทุกคนสามารถเข้าไปค้นหาข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ตก็ได้ โดย กรอก ข้อมูลที่ต้องการค้นหา หรือ Keyword (คีย์เวิร์ด) เข้าไปที่ช่องSearch Box แล้วกดEnter แค่นี้ข้อมูลที่เราค้นหาก็จะถูกแสดงออกมาอย่างมากมายก่ายกอง เพื่อให้เราเลือกข้อมูลที่เราโดนใจที่สุดเอามาใช้ งาน โดยลักษณะการแสดงผลของ Search Engineนั้นจะทำการแสดงผลแบบ เรียงอันดับ Search Results ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเรา 


2.จงอธิบายความแตกต่างระหว่างการใช้คำสั่ง ดีใจจังค้นแล้วเจอแล้ว กับ การค้นหาแบบธรรมดา ใน Google
ตอบ   การใช้คำสั่ง ดีใจจัง ค้นแล้วเจอเลยจะช่วยให้ใช้เวลาในการค้นหาหน้าเว็บน้อยลงเพราะเมื่อใช้คำสั่ง Google จะเข้าหน้าเว็บแรกที่เป็นผลลัพธ์ของข้อความค้นหาของคุณ ทันที ส่วนการใช้คำสั่งค้นหาแบบธรรมดานั้น Google จะแสดงผลลัพธ์เป็นหน้าเว็บให้คุณเลือกเข้าเอง


3.ในการค้นหาขั้นสูง จะมีคำสั่ง AND กับ OR  เพื่อใช้เสริมในการค้นหา  จงอธิบายความแตกต่างพร้อมยกตัวอย่างการใช้งานพร้อมผลลัพธ์ทั้งสอง (แต่ละคนห้ามซ้ำกัน)

ตอบ    AND เป็นการให้คำที่เราต้องการค้นหา ปรากฏในผลลัพธ์ ทั้งสองคำ ที่อยู่ระหว่าง “AND”
เช่น ค้นหาคำว่า computer AND ram ผลลัพธ์ที่ได้จะต้องมีคำว่า computer และ ram ทั้งสองคำนี้ปรากฏอยู่ เป็นต้น
      OR เป็นการให้คำที่เราต้องค้นหา ปรากฏในผลลัพธ์ คำใดคำหนึ่ง ที่อยู่ระหว่าง “OR”
เช่น ค้นหาคำว่า computer OR ram ผลลัพธ์ที่ได้จะมีคำว่า computer หรือ ram คำใดคำหนึ่ง หรือทั้งสองคำปรากฏอยู่ เป็นค้น

4.Google Scholar มีวัตถุประสงค์ในการใช้งานอย่างไร

ตอบ         มีไว้ค้นหา บทความ หรือ งานวิจัย โดยเฉพาะ 

5.Google Guru  มีวัตถุประสงค์ในการใช้งานอย่างไร
ตอบ         มีไว้ใช้ในการตั้งคำถามเพื่อให้คนที่มีความรู้มาตอบ และเพื่อเอาคำตอบไปใช้อย่างรวดเร็ว


6  iGoogle  คืออะไรมีไว้เพื่อจุดประสงค์ใด
ตอบ           iGoogle เป็นฟังค์ชันที่ Google ทำออกมาเพื่อเอาใจผู้ใช้ iGoogleเราสามารถปรับแต่งหน้าต่าง iGoogle ของเรายังไงก็ได้ สามารถดูสภาพอากาศของจังหวัดต่างๆได้ สามารถจดบันทึกข้อความก็ได้ ดูข่าวสาร สาระน่ารู้ ก็ได้อีกเหมือนกัน สามารถ chat พูดคุยกับเพื่อนก็ได้ อีกทั้งสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบที่เราต้องการไม่ให้ซ้ำใครอีกด้วย

7.จงบอกสิทธิประโยชน์ของการสมัครเป็นสมาชิกของ Google  ว่ามีความแตกต่างกับผู้ไม่สมัครอย่างไร (ให้นักเรียนบอกที่มาด้วย)
ตอบ         เมื่อสมัครเป็นสมาชิก Google จะได้รับสิทธิประโยชน์ดังนี้
-           สถิติเกี่ยวกับ Visitor รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้ที่เข้ามาชมเว็บไซต์
-           สถิติเกี่ยวกับ Traffic รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับช่องทางในการเข้าถึงเว็บไซต์
-           สถิติเกี่ยวกับ Content รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสถิติการเข้าชมเนื้อหาภายในหน้าเว็บไซต์
-           สถิติเกี่ยวกับ Goal วิเคราะห์ว่าผู้ใช้งานเข้าถึงเป้าหมายภายในเว็บไซต์ได้อย่างไร

วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

แบบฝึกหัดที่ 4
เรื่องอินเทอร์เน็ต(บริการค้นหาข้อมูล)

1.ให้อธิบายพร้อมยกตัวอย่างความแตกต่างระหว่างการสืบค้นแบบ  Web directory , Meta  search,  Search  engine
ตอบ     Web Directory (เว็บไดเรคทอรี่) หรือ Directories บางทีเรียกว่า Link Directory คือ ระบบที่เก็บรวบรวมเว็บไซต์ไว้เป็นหมวดหมู่ ซึ่งสามารถแบ่งกลุ่มออกเป็นหมวดหมู่ย่อย ๆ ได้ด้วย เว็บที่ถูกบันทึกในแต่ละกลุ่ม จะต้องมีหัวเรื่องหรือเนื้อหาที่สัมพันธ์กัน เว็บไดเรคทอรี่บางแห่งทำหน้าที่เป็น Search Engine ในตัวเองด้วย บางแห่งมีฟังก์ชั่นให้โหวตหาคะแนนนิยมของเว็บเพื่อจัดอันดับ
 Meta  search   จะเป็น Search Engine ที่ใช้ในการค้นหาเว็บ ด้วยตัวของ Search Engine แบบ Metasearch Engines เองแล้ว แต่ที่เด่นกว่านั้นคือ
Search Engine แบบ Metasearch Engines จะยังสามารถเชื่อมโยงไปยัง Search Engine ประเภทอื่นๆ เพื่อเรียกดูข้อมูลที่ Search Engine
อื่น ๆ ค้นพบ โดยสังเกตได้จาก จะมีคำว่า [Found on Google, Yahoo!] ต่อทางด้านท้าย นั้นก็หมายความว่าการค้นหา ข้อความนั้น ๆ มาการเชื่อม
โดยไปค้นข้อมูลจาก เว็บ Google และ Yahoo แต่การค้นหา ด้วยวิธีนี้มีจุดด้อย คือ วิธีการนี้จะไม่ให้ความสำคัญกับขนาดเล็กใหญ่ของตัวอักษรและมักจะ
ไม่ค้นหาคำประเภท Natural Language (ภาษาพูด) และที่สำคัญ Search Engine แบบ Metasearch Engines ส่วนมากไม่รองรับภาษาไทย
http://www.dogpile.com และ http://www.kartoo.com/
Search Engines   เป็นเว็บไซต์ค้นหาข้อมูลที่ใช้โปรแกรมอัตโนมัติ  (Robot)
ในการค้นหา และรวบรวมข้อมูล ของเว็บไซต์ต่างๆ  เว็บไซต์ประเภทนี้จะเหมาะสำหรับการค้นหา
ข้อมูลแบบจำเพาะเจาะจง ตัวอย่างการค้นหาข้อมูล โดยใช้เว็บประเภท  โดยใช้เว็บไซต์  ซึ่งทำได้โดยคลิกเมาส์เลือกชื่อของหมวดหมู่เว็บที่น่าสนใจ  จากนั้นชื่อเว็บที่ต้องการก็จะปรากฏขึ้น



2.จงอธิบายความแตกต่างระหว่างการใช้คำสั่ง ดีใจจังค้นแล้วเจอแล้ว กับ การค้นหาแบบธรรมดา ใน Google
ตอบ  การใช้คำสั่ง ดีใจจังค้นแล้วเจอแล้ว  จะได้ผลการสืบค้นได้เพียงเว็บเดียว
          การค้นหาแบบธรรมดา ใน Google  จะได้ผลการสืบค้นได้หลายเว็บเดียว

3.ในการค้นหาขั้นสูง จะมีคำสั่ง AND กับ OR  เพื่อใช้เสริมในการค้นหา  จงอธิบายความแตกต่างพร้อมยกตัวอย่างการใช้งานพร้อมผลลัพธ์ทั้งสอง (แต่ละคนห้ามซ้ำกัน)
ตอบ  AND เป็นการให้คำที่เราต้องการค้นหา ปรากฏในผลลัพธ์ ทั้งสองคำ ที่อยู่ระหว่าง “AND”
เช่น ค้นหาคำว่า computer AND ram ผลลัพธ์ที่ได้จะต้องมีคำว่า computer และ ram ทั้งสองคำนี้ปรากฏอยู่ เป็นค้น
OR เป็นการให้คำที่เราต้องค้นหา ปรากฏในผลลัพธ์ คำใดคำหนึ่ง ที่อยู่ระหว่าง “OR”
เช่น ค้นหาคำว่า computer OR ram ผลลัพธ์ที่ได้จะมีคำว่า computer หรือ ram คำใดคำหนึ่ง หรือทั้งสองคำปรากฏอยู่ เป็นค้น

4.Google Scholar มีวัตถุประสงค์ในการใช้งานอย่างไร
ตอบ   มีไว้ค้นหา บทความ หรือ งานวิจัย โดยเฉพาะ

5.Google Guru  มีวัตถุประสงค์ในการใช้งานอย่างไร
ตอบ  มีไว้ใช้ในการตั้งคำถามเพื่อให้คนที่มีความรู้มาตอบ และเพื่อเอาคำตอบไปใช้อย่างรวดเร็ว

6.iGoogle คืออะไรมีไว้เพื่อจุดประสงค์ใด
ตอบ  I Google เป็นฟังค์ชันที่ Google ทำออกมาเพื่อเอาใจผู้ใช้ I Google เราสามารถปรับแต่งหน้าต่าง I Google ของเรายังไงก็ได้ สามารถดูสภาพอากาศของจังหวัดต่างๆได้ สามารถจดบันทึกข้อความก็ได้ ดูข่าวสาร สาระน่ารู้ ก็ได้อีกเหมือนกัน สามารถ chat พูดคุยกับเพื่อนก็ได้ อีกทั้งสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบที่เราต้องการไม่ให้ซ้ำใครอีกด้วย

7.จงบอกสิทธิประโยชน์ของการสมัครเป็นสมาชิกของ Google  ว่ามีความแตกต่างกับผู้ไม่สมัครอย่างไร (ให้นักเรียนบอกที่มาด้วย)
ตอบ  เมื่อสมัครเป็นสมาชิก Google จะได้รับสิทธิประโยชน์ดังนี้
– สถิติเกี่ยวกับ Visitor รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้ที่เข้ามาชมเว็บไซต์
– สถิติเกี่ยวกับ Traffic รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับช่องทางในการเข้าถึงเว็บไซต์
– สถิติเกี่ยวกับ Content รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสถิติการเข้าชมเนื้อหาภายในหน้าเว็บไซต์
– สถิติเกี่ยวกับ Goal วิเคราะห์ว่าผู้ใช้งานเข้าถึงเป้าหมายภายในเว็บไซต์ได้อย่างไร
• เทคโนโยลีการส่งข้อมูลแบบไร้สาย
1. จงอธิบายความแตกต่างระหว่างการส่งข้อมูลแบบ Infrared กับ Bluetooth
ตอบ Bluetooth เทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายส่วนบุคคล (Bluetooth) เป็นการส่งข้อมูลในระยะทางสั้น โดยที่เครื่องส่งสัญญาณจะต้องมีอุปกรณ์ในการส่งสัญญาณ Bluetooth ฝังอยู่ โดยมีวัตถุประสงค์จะใช้ กับเครื่องส่งสัญญาณที่ทำงานร่วมกับอุปกรณ์หลักในระยะใกล้กัน
Infrared ระบบการสื่อสารไร้สาย (wireless) อีกรูปแบบหนึ่ง ลำแสงอินฟราเรด (Infrared : IR) คือส่วนหนึ่งของสเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้า ในย่านความถี่ของแสงต่ำกว่าแสงสีแดง ที่ตาของคนเราไม่สามารถมองเห็น เป็นลำแสงอีกชนิดหนึ่งที่ถูกนำมาใช้เพื่อการสื่อสารในระยะใกล้ โดยมีระยะในการส่งสัญญาณ 30 -80 ฟุต
2. จงอธิบายความแตกต่างระหว่างการส่งข้อมูลแบบ Wi-Fi กับ Wi-Max
ตอบ Wi-Fi มากจากคำว่า Wireless Fidelity ซึ่งเป็นชื่อที่ทำเป็นเครื่องหมายการค้าของอุปกรณ์ที่ใช้มาตรเครือข่าย IEEE802.11 ซึ่งเป็นมาตรฐานของ Wireless LAN ซึ่งเป็นวิธีการในการส่งผ่านข้อมูลไร้สายโดยอาศัยคลื่นวิทยุที่ความถี่ 2.4Ghz และ 5Ghzปัจจุบัน มาตรฐานที่นิยมใช้คือIEEE802.11g ซึ่งมีอัตราการส่งผ่านข้อมูล 54 เมกะบิตต่อวินาที่ผ่านคลื่นความถี่ 5Ghz
Wimax มาจากคำว่า Worldwide Interoperability for Microwave Access ใช้มาตรฐานIEEE802.16 ซึ่งเป็นมาตรฐานของ Wireless MAN ใช้วิธีการส่งผ่านข้อมูลไร้สายระยะทางไกล
3. จงอธิบายคำศัพท์ 2 คำนี้ Access Point กับ Hot Spot
ตอบ Access Point คือ อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่คล้ายคลึงกับ switching hub ของระบบเครือข่ายปกติค่ะ โดย access Point ทำหน้าที่รับส่งข้อมูลทางคลื่นความถี่กับ Wireless Card ซึ่งติดตั้งบนเครื่องของผู้ใช้แต่ละคน Access Point หมายถึง อุปกรณ์จุดเข้าใช้งานเครือข่ายไร้สาย ทําหน้าที่รองรับการเชื่อมโยงจากเครื่องลูกข่าย
Hot Spot คือ บริการอินเตอร์เน็ตไร้สายแบบสาธารณะความเร็วสูง ด้วยเทคโนโลยีของ
Wireless LAN หรือ ซึ่งในปัจจุบันก็มีให้บริการกันมากขึ้นเรื่อยตามแหล่งธุรกิจ
อาทิ สนามบิน โรงแรม ร้านอาคาร ศูนย์การค้า โรงพยาบาล และ อาคารสำนักงาน โดยใช้เทคโนโลยี บรอดแบนด์ผสมผสานกับเทคโนโลยีไรสาย (WI-FI) ทำให้คุณออนไลน์ได้ทุกที่รับส่งอีเมล์ดาวน์โหลดข้อมูล หรือติดต่อธุรกิจกับใครๆได้อย่างสะดวกสบายในสถานที่ที่บริการ Hot Spot
4. จงอธิบายความแตกต่างระหว่าง 1G/ 2G/ 2.5G/ 2.75G/ 3G/ 4G
ตอบ 1G(First Generation) ระบบสื่อสารไร้สายที่ใช้เทคโนโลยีระบบอนาล็อก สามารถบริการด้านเสียงเท่านั้นและสัญญาณเสียงก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่
2G (Second Generation ) การสื่อสารไร้สายด้วยเทคโนโลยีระบบดิจิตอล คุณภาพด้านเสียงจะมดีกว่ายุค 1G และสามารถรับ-ส่งข้อมูลแบบ (circuit-switch) ด้วยความเร็วที่ระดับ 9.6 – 14.4 Kbps
2.5G อยู่กึ่งกลางระหว่าง 2G และ 3G มีระบบ GPRS (General Packet Radio Service) เพิ่มขึ้นมา GPRS สามารถส่งข้อมูลได้ที่ความเร็วสูงสุด 115 Kbps (1G ส่งข้อมูลได้ 9 Kbps ) แต่ในบ้านเราใช้ได้แค่ 40 Kbps โดย 2.5Gมีการพัฒนาให้เครื่องมือสื่อสารมีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้แต่เป็นอินเตอร์เน็ตความเร็วต่ำ ดาวโหลดได้ช้าและได้จำนวนน้อย
2.75G เป็นการเริ่มใช้เทคโนโลยี EDGE (Enhanced Data rates for Global Evolution) ต่อยอดจาก GPRS เป็นการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพความเร็วจากพื้นฐานของ GPRS ให้มีความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลได้สูงขึ้น มีความเร็วระดับกว่า 40 Kbpsในระบบ 2G ถึง 4 เท่าตัว
3G เป็นระบบเครือข่ายไร้สายรุ่น ที่ทำงานบนพื้นฐานของระบบ IP ( Internet Protocol ) การดาวโหลดและอัพโหลดข้อมูลปัจจุบันอยู่ที่Download 14.4 Mbps / Upload 384 Kbps ในอนาคตมีแนวโน้มว่า จะมากถึง 42 Mbps เทคโนโลยีในยุค3Gก็มีสายพัฒนามาจากในยุคก่อนๆ เทคโนโลยีในยุค 3G ได้แก่: CDMA2000,W-CDMA,TD-SCDMA,TDMA,IMT2000
4G ( Forth Generation ) พัฒนาต่อยอดจาก 3G เป็นการประยุกต์เอารูปแบบการสื่อสารทั้งหมดที่มีประสิทธิภาพมารวมกันเป็น ระบบเดียว รูปแบบและระบบการทำงานบางอย่างเหมือนกับ 3G แต่มีการเพิ่มขีดความสามรถการรับส่งข้อมูล ความเร็วสูงมากกว่าระบบ 3G ที่เพิ่มขึ้นถึง 100 Mbps
ต่างตรงที่ 1)ความเร็วของเครือข่าย 2)ออนไลน์ตลอดเวลา(ถ้ามันเป็น3Gเต็มตัว) 3)อุปกรณ์เครือข่ายส่งข้อมูลแบบแพ็กเกจสวิตชิ่งเหมือนอินเตอร์เน็ต(เครือข่ายต่างๆเลยไม่อยากเปลี่ยนเป็น3Gเพราะมันต้องเปลี่ยนอุปกรณ์เครือข่ายเกือบทั้งหมดเพื่อให้เป็น 3G เต็มตัว)
5. การโจรกรรมข้อมูลโดยใช้เทคนิค Evil Twin เป็นอย่างไร
ตอบ เป็นเทคโนโลยีที่ใช้เพื่อขโมยข้อมูลจากผู้ใช้งาน Wi-Fi ที่ขาดความระมัดระวัง โดยแฮกเกอร์จะนำคอมพิวเตอร์มาแอบวางไว้ในสถานที่ที่มีจุดบริการ Wi-Fi สาธารณะ เมื่อเราเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราขึ้นมาใช้งาน โปรแกรมเพื่อเชื่อมต่อเข้าสู่เครือข่าย Wi-Fi ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราก็จะพบแอ็กเซสพอยต์ และถ้าเราเลือกเชื่อมต่อเข้าสู่แอ็กเซสพอยต์ของแฮกเกอร์ก็อาจจะสร้างระบบโปรแกรม เว็ปไซต์ หรืออื่นๆ ของแฮกเกอร์เองเพื่อหลอกให้เรากรอกข้อมูลที่สำคัญต่างๆ เช่น ข้อมูลเอกลักษณ์บุคคลหรือข้อมูลใดๆ ที่แฮกเกอร์ต้องการเก็บลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ของแฮกเกอร์และก็จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ต่อไป